การสร้างภาพข้อมูลนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นว่าตลาดปัจจุบันถูกครอบงำโดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และสามารถระบุแนวโน้มปัจจุบันได้ ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงรูปแบบกราฟแท่งเทียน
15 รูปแบบกราฟหุ้นที่คุณควรรู้
Ascending triangle (สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น)
รูปแบบกราฟแรกที่เราจะพิจารณาคือ Ascending Triangle รูปแบบนี้เป็นรูปแบบ ขาขึ้น ต่อเนื่องที่ก่อตัวขึ้นเมื่อราคาเริ่มแกว่งตัวในช่วงที่แคบลง เส้นบน (แนวต้าน) ของสามเหลี่ยมเฉียงขึ้นจะเป็นเส้นแนวนอน ในขณะที่จุดต่ำสุดจะสร้างเส้นล่าง (แนวรับ) ที่กำลังปีนเข้าหาเส้นแนวต้าน มันจะไต่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าราคาจะทะลุเส้นแนวต้านในที่สุด ยืนยันรูปแบบ แล้วเคลื่อนไหวขึ้นต่อ
Descending triangle (สามเหลี่ยมลาดลง)
ขั้วตรงข้ามของ ascending ก็คือ descending triangle ซึ่งเป็นรูปแบบขาลงต่อเนื่องที่ปรากฏขึ้นเมื่อราคาของหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวต้านที่ค่อย ๆ ลาดลงและแนวรับที่เป็นเส้นแนวนอน เมื่อเส้นแนวต้านและแนวรับบรรจบกัน การพุ่งทะลุก็จะเกิดขึ้น — ราคาก็จะยิ่งร่วงต่ำลงและดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาลง
Symmetrical triangle (สามเหลี่ยมด้านเท่า)
รูปแบบสุดท้ายของรูปแบบกรอบสามเหลี่ยมก็คือ symmetrical triangle ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเส้นแนวรับที่เฉียงขึ้นและเส้นแนวต้านที่ลาดลง ราคาจะดีดกลับจากทั้งสองเส้นในช่วงที่ค่อย ๆ แคบลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเส้นทั้งสองตัดกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าราคาจะไปในทิศทางใดหลังจากที่มันพุ่งทะลุออกไปได้ เนื่องจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็มีอิทธิพลต่อตลาดเท่ากัน นี่คือเหตุผลที่ symmetrical triangle นั้นเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทาง เทรดเดอร์ควรวางสองคำสั่ง Stop ไว้ทั้งเหนือและใต้เส้น

Flag (ธง)
รูปแบบ flag มักจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและได้กำไรเร็ว มันเป็นรูปแบบต่อเนื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง รูปแบบ flag จะก่อตัวขึ้นเมื่อแนวโน้มเข้าสู่ช่วงสะสมราคาสั้น ๆ ซึ่งมันอาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หลังจากที่พุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างกะทันหัน (ที่เราเรียกกันว่า "เสาธง") ราคาจะเริ่มผันผวนและย้อนกลับไปหาการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่อยู่ในช่วงแคบ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เอียงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็จะทะลุเส้นใดเส้นหนึ่งและเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางก่อนหน้าในขณะที่ได้รับแรงหนุนอย่างรวดเร็ว

Pennant (ชายธง)
รูปแบบ pennant จะดูคล้าย ๆ กับรูปแบบ flag หรือ symmetrical triangle ที่เป็นรูปแบบต่อเนื่องกันเช่นกัน แต่มันก็ค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบทั้งสองดังกล่าว เช่นเดียวกับรูปแบบ flag มันจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเข้าสู่ช่วงสะสมราคาหลังจากการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันในทิศทางเดียว ("เสาธง") อย่างไรก็ตาม ตัวของชายธงนั้นจะก่อตัวจากเส้นสองเส้นมาบรรจบกันโดยไม่ขนานกัน ซึ่งจะทำให้ดูคล้ายกับรูปแบบ symmetrical triangle อย่างไรก็ตาม รูปแบบสามเหลี่ยมไม่ได้เกิดขึ้นก่อนเสาธง เนื่องจากรูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในตลาดที่ไม่มั่นคง ในทางกลับกัน รูปแบบ pennant จะเกิดขึ้นภายในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง หลังจากที่เส้นทั้งสองมาบรรจบกัน ราคาจะทะลุออกไปและส่วนใหญ่มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก

Double top
รูปแบบ double top เป็นรูปแบบตลาดขาลงที่เกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นขาลงระยะกลางหรือระยะยาว รูปแบบ double top จะประกอบด้วยสองยอดสูงสุดและหนึ่งร่องต่ำสุด และมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "M" มันจะเริ่มต้นเมื่อราคาย้อนกลับหลังจากพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแรงต้านของฝั่งผู้ขาย ต่อมามันจะดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง แต่พอแตะถึงระดับสูงสุดก่อนหน้า มันก็จะดิ่งกลับลงมาอีก เมื่อมันตัดผ่านเส้น neckline (คอเสื้อ) ก็จะถือว่ารูปแบบได้รับการยืนยัน และแนวโน้มก็จะกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
Double bottom
รูปแบบ double bottom จะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบ double top เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง และโดยทั่วไปมันจะส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น รูปแบบ double bottom มีลักษณะเหมือนตัวอักษร "W" ซึ่งจะก่อตัวขึ้นเมื่อราคาพุ่งขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ร่วงลงมาเป็นเวลานาน จากนั้นก็จะกลับตัวลงมาแต่เด้งออกจากแนวรับแล้วเริ่มพุ่งสูงขึ้นจนทะลุเส้น neckline เทรดเดอร์มักจะใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเปิดสถานะ long ระยะยาว
Triple bottom
รูปแบบ triple bottom เป็นรูปแบบการกลับตัวขาขึ้นที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงขาลงอันยืดเยื้อ มันประกอบไปด้วยจุดต่ำสุดสามจุดติดกันโดยเว้นระยะห่างจากกันไม่มาก ซึ่งแต่ละจุดจะอยู่ในระดับราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน รูปแบบ triple bottom จะให้สัญญาณว่าแม้ผู้ซื้อจะพยายามแล้วก็ตาม แต่ผู้ขายก็ไม่ยอมสละตำแหน่งง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดต่ำสุดที่สาม พวกเขามักจะยอมจำนนต่อผู้ซื้อแล้วปล่อยให้ราคาเริ่มขยับขึ้นหลังจากที่ทะลุเส้น neckline รูปแบบนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบที่เกิดขึ้นได้ยากที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้น หากคุณสามารถระบุรูปแบบนี้ดังกล่าวบนกราฟได้ อย่าลืมทำกำไรจากมันให้ได้มากที่สุดละกัน

Wedge (ลิ่ม)
รูปแบบ wedge จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้นที่บรรจบกันที่สร้างกรอบที่แคบลงอย่างต่อเนื่อง รูปแบบนี้อาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลง ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของตัวรูปแบบเอง
รูปแบบ falling Wedge (ลิ่มลาดลง) ถูกมองว่าเป็นรูปแบบขาขึ้น มันอาจเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงหรือแนวโน้มขาขึ้น และทำหน้าที่เป็นสัญญาณของการกลับตัวหรือการไปต่อ รูปแบบ falling wedge จะมีลักษณะด้านบนกว้าง ๆ จากนั้นจะค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ เมื่อราคาเคลื่อนตัวลง เมื่อแรงกดดันจากผู้ขายลดลง ผู้ซื้อจะได้รับโอกาสในการชะลอการร่วงลงของราคา ซึ่งจะนำไปสู่การที่ราคาพุ่งทะลุแนวต้านแล้วดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น
รูปแบบ rising wedge (ลิ่มเฉียงขึ้น) นั้นจะตรงกันข้ามกับรูปแบบ falling wedge โดยทั่วไป มันจะเป็นรูปแบบขาลงที่อาจส่งสัญญาณความต่อเนื่องหรือการกลับตัวของแนวโน้ม ขึ้นอยู่กับว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก่อนที่รูปแบบนี้จะเกิดขึ้น มันจะประกอบไปด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่มาบรรจบกัน และราคากำลังขยับขึ้นภายในช่วงของการสะสมราคา แต่ในที่สุดผู้ซื้อก็จะอ่อนแรงลง จึงทำให้ผู้ขายสามารถทำลายแนวรับได้ สร้างแนวโน้มใหม่ที่เป็นขาลง (หรือลงต่อตามแนวโน้มขาลงก่อนหน้า)
