ไม่ใช่เรื่องลับอีกต่อไปว่าตลาดฟอเร็กซ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหลือเชื่อในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีได้พลิกโฉมการเทรดไปอย่างถาวร แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักผู้อยู่เบื้องหลังความก้าวหน้านี้ คุณเคยได้ยินชื่อ เอ็ด เซย์โคตา เทรดเดอร์ผู้เลื่องชื่อ ผู้นำโซลูชันไอทีมาสู่การเทรดฟอเร็กซ์ไหม? ผลตอบแทนของเขาสามารถเทียบเคียงได้กับ Warren Buffett, George Soros, และ William J. O’Neil ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นหนึ่งในเทพเจ้าแห่งวงการเทรด
Edward Arthur Seykota เกิดปี 1946 ที่เนเธอร์แลนด์ แต่ย้ายไปสหรัฐฯ กับครอบครัวตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาเคยลองเล่นหุ้นมาก่อน และกลายเป็นครุฝึกคนแรกที่สอนเขาเรื่องการเทรด
เอ็ดเริ่มเทรดครั้งแรกตอนอายุเพียง 5 ขวบ ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน พ่อของเขาให้เหรียญสีทองที่เป็นของแถมโปรโมชันมา เขาเอาไปแลกกับเลนส์ขยาย 5 อันจากเด็กบ้านใกล้ ๆ และเขารู้สึกเหมือนผ่านพิธีกรรมสำคัญเเพื่อเข้าสู่โลกการเทรด เขาเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคก่อน พอเขามีอายุ 9 ขวบ ห้องนอนของเขาเต็มไปด้วยวิทยุเก่า อุปกรณ์ทดสอบ และออสซิลโลสโคป เอ็ดชอบสร้างและแสดงรูปคลื่น ต่อมาพอเขามีอายุ 13 ปี พ่อของเขาได้สอนวิธีซื้อหุ้นให้ และอธิบายให้เขาเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้านด้านบน และขายเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับด้านล่าง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของ Ed Seykota
ในปี 1969 เขาได้จบการศึกษาจากสถาบัน MIT ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและการจัดการ
ครั้งหนึ่ง เขาได้อ่านบทความของนักเทคนิคชื่อ Richard Donchian ที่ทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก Donchian แสดงให้เห็นว่าระบบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบกระจายความเสี่ยง 5 วัน และ 20 วัน สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่น่าพอใจได้อย่างไร แนวคิดเกี่ยวกับเครื่องจักรทำเงินอัตโนมัตินี้ทำให้เอ็ดเวิร์ดหลงใหล เขาจึงซื้อเวลาบางส่วนที่บริการคอมพิวเตอร์ท้องถิ่น และใช้เวลาตอนเย็นไปกับการตอกบัตรจาก The Wall Street Journal และเริ่มทำซ้ำผลลัพธ์ของ Donchian เขาได้ลองปรับเปลี่ยนชุดพารามิเตอร์และพบว่าชุดค่าผสมอื่น ๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นว่าการปรับให้เรียบในระยะยาวทำงานได้ดีพอสมควร ในขณะที่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมดูจะทำให้ระบบระยะสั้นได้ผลน้อยลง นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จักกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคของกูรูการเทรดในอนาคต
Ed Seykota ได้เริ่มต้นอาชีพการเทรดในยุค 1970 เมื่อเขาถูกว่าจ้างโดยบริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำ ในช่วงเวลานั้นเองที่เอ็ดได้พัฒนาระบบเทรดเชิงพาณิชย์ระบบแรก ๆ สำหรับจัดการเงินในตลาดฟิวเจอร์ส โดยเขาใช้เวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปกับการทดสอบระบบด้วยเครื่องเมนเฟรม IBM 360/65 ที่ใช้สำหรับงานบัญชี เขาได้เจาะบัตรข้อมูลและรันแบทช์จ็อบด้วยภาษา FORTRAN 4 เขาได้ทดสอบระบบ 4 แบบ บนพารามิเตอร์ประมาณ 50 ชุด ในสินค้าโภคภัณฑ์ 8 ชนิด โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ซึ่งกระบวนการทั้งหมดกินเวลานานถึงครึ่งปี
ในที่สุด บริษัทโบรกเกอร์ก็ได้นำงานวิจัยของเขาไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ปัญหาคือ เจ้านายของเอ็ดไม่ยอมทำตามระบบที่เขาสร้างขึ้น และสนใจแต่จะปรับแต่งให้มันสร้างค่าคอมมิชชันให้ได้มากขึ้น เอ็ดได้บอกพวกเขาว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการทำเงินให้ลูกค้า แต่ไม่มีใครฟัง! แถมเจ้านายยังปฏิเสธไม่ยอมให้เขาได้ส่วนแบ่ง 10% จากค่าคอมมิชชันที่ได้จากระบบอีกด้วย ดังนั้น เอ็ดจึงได้ตัดสินใจลาออก
ตอนอายุ 23 ปี Ed Seykota ออกมาเทรดด้วยตัวเองโดยมีบัญชีลูกค้าประมาณ 6-7 บัญชี ด้วยเงินทุนประมาณ 10,000 - 25,000 ดอลลาร์ ภายในกลางปี 1988 บัญชีลูกค้าหนึ่งในนั้นที่เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 5,000 ดอลลาร์ มีกำไรสะสมเกิน 250,000% เมื่อเทียบกับเงินต้น หากคำนวณรวมการถอนเงินออกไปด้วย บัญชีนี้จะทำกำไรได้หลายล้านเปอร์เซ็นต์ นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
โปรดจำไว้ว่าตัวเลขเหล่านั้นเป็นผลลัพธ์สะสมจากการเทรดกว่า 10 ปี ดังนั้นมันไม่ใช่แค่ความบังเอิญหรือช่วงเวลาโชคดีที่ผ่านมา Ed Seykota คือนักลงทุนที่เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์อย่างแรงกล้า ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนอยู่บนพื้นฐานของกฎการเทรดที่เขากำหนดไว้อย่างเคร่งครั นี่คือวิธีที่ช่วยให้เขารักษาความสงบนิ่งได้แม้ในสถานการณ์ที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่หวัง
กฎการเทรด 5 ประการที่ Seykota ให้ความสำคัญที่สุด:
1. ตัดขาดทุน
การปกป้องเงินทุนคือหน้าที่หลักของเทรดเดอร์ ส่วนการทำกำไรนั้นเป็นเรื่องรอง จงยอมรับความสูญเสียในการเทรด นั่นหมายความว่าคุณต้องตัดขาดทุนทันทีเมื่อตลาดพิสูจน์ว่าแนวคิดในการเทรดของคุณนั้นผิดพลาด
หากคุณทำผิดพลาดโดยหวังให้ตลาดพลิกกลับมาทางคุณ นั่นหมายถึงคุณแพ้แล้ว วิธีรับมือกับการขาดทุนที่ดีที่สุดคือการมีแผนสำรอง เมื่อรวมกับการเดิมพันแบบเล็กน้อย คุณจะวิ่งนำเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์คนอื่น ๆ ไปหลายปีแสงเลยทีเดียว
2. ขี่คลื่นกำไรให้สุด