FBS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16

ปลดล็อกของรางวัลวันเกิด: ตั้งแต่แก็ดเจ็ตและรถในฝันไปจนถึงทริป VIPเรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

วัฏจักรตลาดคืออะไร และเทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร?

วัฏจักรตลาดคืออะไร และเทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร?

ตลาดการเงินมีการสลับช่วงระหว่างการตกต่ำและการเติบโต ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย นักลงทุนจำนวนมากต่างพยายามวิเคราะห์วัฏจักรตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร มาดูกันว่ามันคืออะไรและทำงานอย่างไร

วัฏจักรตลาดคืออะไร?

วัฏจักรตลาดคือรูปแบบหรือแนวโน้มที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในตลาดต่าง ๆ โดยแสดงถึงช่วงเวลาระหว่างจุดราคาต่ำสุดหรือสูงสุดสองจุด โดยทั่วไปแล้ว วัฏจักรตลาดใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อมีแนวโน้มในภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น นวัตกรรมใหม่ สินค้าใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ

ระยะเวลาของวัฏจักรตลาดอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับประเภทของตลาดนั้น ๆ วัฏจักรนี้มีหลายแง่มุม เช่น เทรดเดอร์รายวันจะโฟกัสที่ช่วงเวลา 15-60 นาที ในขณะที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะวิเคราะห์วงจรที่ยาวนานถึง 20 ปี

การทำความเข้าใจวัฏจักรตลาด

วัฏจักรในตลาดเกิดขึ้นส่วนใหญ่เพราะมีวัฏจักรในเศรษฐกิจ

แต่ก็ยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีก วัฏจักรเศรษฐกิจไม่เพียงส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักลงทุนด้วย พวกเขาไม่ค่อยยึดมั่นในจุดยืนที่มีเหตุผลและมั่นคงเลย และเมื่อตลาดปรับตัวขึ้น นักลงทุนจะมองโลกในแง่ดีและยินดีรับความเสี่ยง พวกเขาจะเข้าซื้อหุ้น และราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่ออารมณ์เปลี่ยน นักลงทุนก็จะเริ่มเทขาย และราคาหลักทรัพย์ก็ลดลง

ช่วงต่าง ๆ ของวัฏจักรตลาด

แต่ละวัฏจักรตลาดจะประกอบด้วย 4 ช่วงหลัก ได้แก่

image_1.jpg

ช่วงสะสม (Accumulation Phase)

นี่คือช่วงแรกของวัฏจักรตลาด การสะสมจะเริ่มต้นหลังจากตลาดแตะจุดต่ำสุดในวัฏจักรก่อนหน้า เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ราคาจะไม่สามารถสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้อีก ผลที่ตามมาคือแนวโน้มขาลงจะเริ่มสูญเสียโมเมนตัม แล้วตลาดก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

ช่วงขาขึ้น (Mark-Up Phase)

ในช่วงขาขึ้น ตลาดจะเริ่มสะสมราคา ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและดึงดูดผู้ซื้อจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมแนวโน้มขาขึ้นในระยะเริ่มแรก แนวโน้มราคาขาขึ้นจะผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ผู้ซื้อครั้งแรกจะได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้นเพื่อทำกำไรจากการลงทุนระยะเริ่มแรกของตน ส่วนเทรดเดอร์ก็จะใช้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกัน

ช่วงแจกจ่าย (Distribution Phase)

ในช่วงแจกจ่าย ตลาดจะประสบกับการเทขาย อย่างไรก็ตาม ราคายังคงทรงตัวเป็นเวลาค่อนข้างนาน สิ่งนี้เกิดจากการกระจายตัวที่เท่ากันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ความเชื่อมั่นขาขึ้นในช่วงขาขึ้นเริ่มจางหาย และไม่มีการสร้างจุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนที่ยังไม่เข้าตลาดจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนในการขายสินทรัพย์เนื่องจากราคาอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว

ช่วงขาลง (Mark-Down Phase)

นี่คือช่วงสุดท้ายของวัฏจักรตลาด ในระยะนี้ นักลงทุนรายใหญ่จะเริ่มขายการลงทุนเพื่อล็อกผลกำไร แล้วส่วนที่เหลือของผู้เข้าร่วมก็จะตามมาอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาลดลงในแนวโน้มขาลง อารมณ์ตลาดจะกลายเป็นขาลงมากขึ้น นักลงทุนที่เข้าตลาดเมื่อราคาอยู่ในจุดสูงสุดจะยังคงถือการลงทุนด้วยความหวังว่าราคาจะสูงขึ้นอีก แต่น่าเสียดายที่ราคายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นสัญญาณให้นักลงทุนที่สามารถระบุจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงให้ทำการเข้าซื้อใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ช่วงสะสมก็จะเริ่มต้นขึ้นและวัฏจักรตลาดใหม่ก็จะก่อตัวขึ้น

ประเภทของวัฏจักรตลาด

วัฏจักรตลาดมีอยู่หลายแบบด้วยกัน เดี๋ยวเรามาพิจารณาวัฏจักรหลัก ๆ กัน: วัฏจักรสากล (วัฏจักรตลาดของ Wyckoff) วัฏจักรตลาดวอลล์สตรีท วัฏจักรตลาดฟอเร็กซ์ และวัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์

วัฏจักรตลาด Wyckoff

image_2.jpg

วัฏจักรตลาดของ Wyckoff มีสี่ช่วง: ช่วงสะสม ช่วงขาขึ้น ช่วงแจกจ่าย ช่วงขาลง

image_3.jpg

วัฏจักรตลาดของ Wyckoff นั้นอิงจากการสังเกตการณ์ราคา ช่วงสำคัญของการพัฒนาแนวโน้ม และช่วงเวลาของการสะสมและการกระจาย แม้ว่าวิธีการของ Wyckoff ในตอนแรกจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้ก็ได้มีการนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดการเงินทุกประเภทแล้ว

วัฏจักรตลาดของ Wyckoff ประกอบด้วยสี่ช่วงหลัก: ช่วงสะสม ช่วงขาขึ้น ช่วงแจกจ่าย และช่วงขาลง

  1. ช่วงสะสมจะสร้างกรอบการซื้อขายขึ้นมา ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้ดูแลสภาพคล่องจะสะสมสินทรัพย์ก่อนที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะทำ ช่วงนี้มักจะมีการเคลื่อนไหวแบบราบเรียบ ซึ่งการสะสมจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างมีนัยสำคัญ

  2. ในช่วงขาขึ้น ตลาดจะเริ่มเติบโตขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความต้องการซื้อเพิ่มสูงขึ้น เมื่อตลาดเคลื่อนตัวขึ้น นักลงทุนรายอื่นก็ถูกกระตุ้นให้เข้ามาลงทุนและซื้อสินทรัพย์มากขึ้น ผลที่ตามมาคือความตื่นตัวนี้จะส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องการเข้ามามีส่วนร่วม ในช่วงเวลาดังกล่าว อุปสงค์จะสูงกว่าอุปทานอย่างมาก

  3. หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงที่ผู้ขายเริ่มแจกจ่ายสินทรัพย์ที่ซื้อมา โดยพวกเขาจะขายสถานะการลงทุนที่ทำกำไรให้กับนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดในช่วงท้าย ๆ โดยปกติแล้ว ช่วงแจกจ่ายมักจะมีการเคลื่อนไหวแบบราบเรียบ ซึ่งจะดูดซับความต้องการซื้อจนหมดในที่สุด

  4. ช่วงสุดท้ายของวิธีการของ Wyckoff คือช่วงขาลง ในช่วงนี้ อุปทานจะครองตลาด และราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่องเกือบไม่หยุด นั่นหมายความว่าเมื่อหุ้นส่วนใหญ่จะถูกขายออกไป ตลาดก็จะเริ่มเคลื่อนตัวลง ในที่สุด อุปทานก็จะมากกว่าอุปสงค์อย่างมาก และแนวโน้มขาลงก็จะเริ่มต้นขึ้น

วัฏจักรตลาดฟอเร็กซ์

มีหลายประเภทของวัฏจักรในตลาดฟอเร็กซ์ และประเภทและลักษณะของวัฏจักรเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยพารามิเตอร์หรือกรอบเวลาใดกรอบเวลาหนึ่ง มาดูหนึ่งในวัฏจักรการผ่อนปรนและเข้มงวดของตลาดฟอเร็กซ์ที่พบได้บ่อยที่สุดที่มี 4 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงขยายตัว (expansion), ช่วงสูงสุด (peak), ช่วงถดถอย (recession หรือ contraction) และช่วงต่ำสุด (trough)

image_4.jpg

ช่วงแรกของวัฏจักรคือช่วงขยายตัว ในช่วงนี้ ตลาดจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า ความสนใจของผู้เข้าร่วมตลาดในสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น และพวกเขาก็จะเริ่มดำเนินการ เช่น ซื้อในช่วงขาขึ้น หรือขายในช่วงขาลง ยิ่งผู้เข้าร่วมตลาดมีกิจกรรมมากเท่าไร แนวโน้มก็จะยิ่งพัฒนาเร็วขึ้นเท่านั้น

ช่วงต่อไปคือช่วงสูงสุด ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น ปริมาณการผลิต ยอดขาย การจ้างงาน ฯลฯ อยู่ในระดับสูงสุดและไม่เติบโตอีกต่อไป ในช่วงนี้ แนวโน้มได้หมดแรงผลักดันลง การเติบโตหรือการตกต่ำอย่างรวดเร็วเริ่มหยุดลง

จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงถดถอย หุ้นเริ่มปรับตัวลง และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มตกต่ำเนื่องจากความต้องการลดลงในยามที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ในช่วงนี้ นักลงทุนจะปิดคำสั่งซื้อขายของพวกเขา

ช่วงสุดท้ายของวัฏจักรแนวโน้มคือช่วงต่ำสุด ลักษณะเฉพาะของขั้นตอนนี้คือ ตลาดมีความสงบ และการเปลี่ยนแปลงของราคาก็ไม่มากนัก ในช่วงนี้ ตลาดกำลังสะสมแรงและรวมตัวหลังช่วงถดถอย ภาวะเศรษฐกิจไม่แย่ลงอีกต่อไป แต่ก็ยังไม่เข้าสู่ช่วงขยายตัว

วัฏจักรตลาดวอลล์สตรีท

วัฏจักรตลาดวอลล์สตรีทมีความคล้ายคลึงกับวัฏจักรตลาดของ Wyckoff โดยอิงตามช่วงสะสม (accumulation phase), ช่วงขาขึ้น (mark-up), ช่วงแจกจ่าย (distribution phase), และช่วงขาลง (mark-down)

ในแผนภูมิ จะเห็นว่าวัฏจักรตลาดวอลล์สตรีทมี 4 ช่วงอารมณ์ ได้แก่:

image_5.jpg

ช่วงแรกจะคล้ายกับช่วงสะสมในวัฏจักรของ Wyckoff และถูกเรียกว่าช่วงแอบซ่อน (stealth phase) ในช่วงนี้ ราคาจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และผู้ทำเงินจะมองหาโอกาสเข้าซื้อที่ดีที่สุด

ช่วงที่สองคือช่วงรับรู้ (awareness) ราคากำลังปรับตัวขึ้นอีกครั้ง แต่นักลงทุนยังไม่วางใจเต็มที่ หากพวกเขาตัดสินใจกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง พวกเขาจะระมัดระวังเป็นอย่างมาก

จุดสูงสุดของวัฏจักรตลาดนี้คือช่วงคลั่งไคล้ (mania) ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงสุด นี่คือช่วงเวลาที่นักลงทุนคิดว่าคงไม่มีอะไรแย่ ๆ เกิดขึ้นได้อีกแล้ว ดังนั้น วัฏจักรที่พึ่งพาตัวเองจึงเกิดขึ้น: นักลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างพากันเข้ามาในตลาดด้วยความหวังที่จะทำกำไรอย่างมหาศาล ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปอีก และมูลค่าตลาดทะยานขึ้นถึงระดับสูงสุดจนน่าเวียนหัว

จากนั้นฟองสบู่ก็แตก และตลาดเข้าสู่ช่วงพังทลาย (blow-off phase) เนื่องจาดแนวโน้มขาขึ้นถูกแทนที่ด้วยขาลง นักลงทุนเริ่มสูญเสียความหวังและตกอยู่ในความตื่นตระหนก พวกเขาไม่มั่นใจในการกระทำของตัวเองอีกต่อไป และพยายามลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด แต่บางส่วนก็ยอมแพ้ไปในที่สุดและไม่เชื่ออีกแล้วว่าตลาดจะฟื้นตัว

วัฏจักรตลาดอสังหาริมทรัพย์

ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความเป็นวัฏจักรชัดเจนเนื่องจากอุปทานมักตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ทัน วัฏจักรนี้ประกอบด้วยสี่ช่วงหลัก ได้แก่ ช่วงฟื้นตัว ช่วงขยายตัว ช่วงอุปทานล้นตลาด และช่วงถดถอย

image_6.jpg

ช่วงฟื้นตัวคือช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังภาวะถดถอย จำนวนการทำธุรกรรมค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและส่วนแบ่งของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้สนใจลดลง โดยความต้องการเริ่มดูดซับพื้นที่ส่วนเกินที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงขยายตัว

ช่วงขยายตัวถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของอำนาจซื้อของประชากร วัฏจักรตลาดเข้าสู่ช่วงนี้เมื่อระดับของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้สนใจลดลงถึงระดับต่ำสุด และในทางตรงกันข้ามความสนใจของผู้ซื้อก็กลับเพิ่มขึ้น ณ จุดนี้ นักลงทุนเริ่มลงทุนอย่างแข็งขันในการก่อสร้างโครงการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนจะหยุดให้ความสนใจกับต้นทุนที่สูงเกินไปของที่ดินหรือตัวโครงการ โดยเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของราคาและอัตราค่าเช่าในอนาคตจะชดเชยค่าใช้จ่ายของพวกเขา นั่นคือตอนที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเริ่มอยู่เหนืออำนาจการซื้อที่แท้จริงของประชากรและธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด และจำนวนการทำธุรกรรมก็เริ่มลดลง ในขณะเดียวกัน การก่อสร้างโครงการที่ได้เริ่มต้นไปในช่วงขยายตัวก็ไม่สามารถหยุดได้ในชั่วข้ามคืน และตลาดก็อิ่มตัวเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดฟองสบู่

ช่วงถดถอยแสดงออกผ่านการลดลงของราคาและอัตราค่าเช่า ซึ่งได้รับอิทธิพลไม่เพียงแต่จากความต้องการที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังมาจากส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้สนใจด้วย ในช่วงภาวะถดถอย นักลงทุนจะระงับโครงการใหม่ ๆ และอัตราการก่อสร้างก็จะลดลง

สรุป

การเข้าใจวัฏจักรตลาดที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ นั้นเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์วัฏจักรเชื่อว่ามีเพียงการใช้การศึกษาเรื่องวัฏจักรเท่านั้นที่จะสามารถทำนายทิศทางตลาดล่วงหน้าได้ ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม เรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ การวิเคราะห์วัฏจักรสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการพยากรณ์ตลาดได้

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: 9725, Fabers Road Extension, Unit 1, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น